คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5238/2561

ตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์แบบคุ้มครองเฉพาะภัย ระบุถึงความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ตามเอกสารแนบท้ายแบบคุ้มครองเฉพาะภัย ซึ่งเอกสารแนบท้ายดังกล่าวคือกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์แบบคุ้มครองเฉพาะภัยระบุข้อตกลงคุ้มครองไว้ว่า “บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างระยะเวลาประกันภัยต่อรถยนต์รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องตกแต่ง หรือส่วนที่ติดประจำอยู่กับตัวรถยนต์ตามที่ระบุไว้ในตาราง อันมีสาเหตุมาจากการชนกับยานพาหนะทางบก ทั้งนี้ความเสียหายดังกล่าวให้รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้อันมีสาเหตุโดยตรงจากการชนกับยานพาหนะทางบก ไม่ว่าจะเกิดจากความประมาทของรถยนต์คันที่เอาประกันภัยหรือคู่กรณี และผู้เอาประกันภัยสามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้….”

ข้อความที่ระบุไว้ดังกล่าวจึงเป็นเงื่อนไขหรือข้อยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยแบบคุ้มครองเฉพาะภัยของบริษัทประกันภัยรวมถึงจำเลยด้วย

ซึ่งการตีความเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวมีคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยในฐานะนายทะเบียนตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 4/2551 กำหนดให้เป็นไปตามคู่มือตีความประกันภัยรถยนต์แบบคุ้มครองเฉพาะภัยที่แนบท้ายคำสั่งดังกล่าวตามสำเนาคำสั่งและคู่มือตีความคำสั่งนายทะเบียนดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 29 แห่ง พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วย่อมมีผลบังคับได้ตามที่คู่มือตีความหน้าที่ 3 ได้อธิบายถึงความเสียหายต่อรถยนต์ที่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยนี้ว่าจะคุ้มครองเฉพาะ

1. รถยนต์คันที่เอาประกันภัยได้รับความเสียหายจากการชนกับยานพาหนะทางบก และ

2.ผู้เอาประกันภัยสามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้

ดังนั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนความเสียหายต่อรถยนต์ที่เอาประกันภัยต่อเมื่อเข้าเงื่อนไขทั้งสองข้อ และโดยที่คู่มือดังกล่าวได้อธิบายถึงเงื่อนไขประการที่ 2 ในหน้าที่ 4 ว่า การแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้ ให้หมายความรวมถึงผู้เอาประกันภัยต้องสามารถแจ้งหมายเลขทะเบียนรถยนต์คู่กรณีให้บริษัททราบ โดยไม่จำเป็นต้องให้รายละเอียดถึงผู้ขับขี่รถยนต์คู่กรณี เช่น กรณีรถยนต์คันที่เอาประกันภัยถูกรถคู่กรณีชนแล้วหลบหนี ความคุ้มครองจะเกิดขึ้นเมื่อผู้เอาประกันภัยสามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงผู้ขับขี่รถยนต์คู่กรณี หรือหมายเลขทะเบียนรถยนต์คู่กรณี

ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่โจทก์ระบุว่าขับมาเฉี่ยวชนรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย จึงถือไม่ได้ว่า โจทก์สามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้ เป็นกรณีเข้าข้อยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยแบบคุ้มครองเฉพาะภัย จำเลยจึงไม่จำต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามฟ้อง

สรุป

กรณีไม่ทราบว่าคู่กรณีเฉี่ยวชนเป็นใคร บริษัทประกันภัยจะไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ***หมายเหตุ*** ข้อเท็จจริงตามฎีกานี้เป็นประกันประเภท 2+

ข้อแนะนำ ทำประกันชั้น 1 ครับ

ปรึกษาทีมงานทนายความ
ทนายอธิป 061-939-9935
ทนายเบส 091-939-4249
ทนายหนึ่ง 084-444-8952
ทนายไผ่ 095-781-9477
ทนายตี๋ใหญ่ 088-021-7716