การฟ้องถอนคืนการให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 513 ได้บัญญัติไว้ว่า ผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณได้ใน 3 กรณีต่อไปนี้คือ

1.ผู้รับประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดอาญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา
เช่น การที่มารดาให้ที่ดินบุตร ต่อมาบุตรทำร้ายร่างกายมารดาตนเองได้รับอันตรายแก่กายมารดาย่อมฟ้องถอนคืนการให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกา 412 / 2528 การที่จำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ผู้เป็นมารดาจนได้รับอันตรายแก่กายย่อมเป็นการแสดงว่าจำเลยขาดความกตัญญูอยู่แม้โจทก์จะได้รับบาดเจ็บไม่สาหัสก็ถือได้ว่าจำเลยประพฤติเนรคุณโดยประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดอาญาอย่างร้ายแรงตาม ป.พ.พ. มาตรา 513 (1) แล้วโจทก์จึงเรียกถอนคืนการให้ได้

2.ผู้รับทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง หรือ หมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง

คำพิพากษาฎีกาที่ 1078 / 2553 ถ้อยคำที่จำเลยดาว่าโจทก์ว่า อีแก่ไม่ยุติธรรมมึงทำให้ครอบครัวกูแตกแยกกูจะไม่อยู่กับมึงแล้ว เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นโจทก์ซึ่งเป็นอา จำเลยเรียกโจทย์ว่าอีแก่ขึ้นมึงขึ้นกูกับโจทก์ย่อมทำให้โจทก์อับอายเสียชื่อเสียงและเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตาม ป.พ.พ. มาตรา 513 (2) โจทก์ย่อมเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณได้

คำพิพากษาฎีกาที่ 4037 / 2546 ด่าโจทก์ว่าข้าวปลาอาหารที่เหลือเทให้หมากินดีกว่าจากไปให้อีแก่กิน

ข้อสังเกต เหตุถอนคืนการให้ตามอนุมาตรานี้ไม่จำเป็นต้องถึงกับเป็นการหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญาแต่เพียงแค่คำ ด่าทอในลักษณะดูหมิ่นใช้คำหยาบคายเหยียดหยามหรือคำไม่สุภาพเท่านั้นก็ถือเป็นเหตุประพฤติเนรคุณตามอนุมาตรานี้แล้ว แต่หากเป็นการโต้ตอบทะเลาะวิวาทซึ่งกันและกันต่างคนต่างด่ากันเพราะผู้ให้เป็นฝ่ายก่อเหตุจะถือเป็นเหตุประพฤติเนรคุณไม่ได้

คำพิพากษาฎีกา 1953 / 2537 โจทก์มีความสัมพันธ์กับจำเลยในฐานะผู้อยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสกันเท่านั้นการที่โจทก์และจำเลยทะเลาะกันและต่างคนต่างด่ากันเป็นเพราะโจทก์เป็นฝ่ายกอและจำเลยด่าโต้ตอบเพราะถูกจอดคมเฮงน้ำใจ อย่างรุนแรงเช่น นี้โจทก์จะกล่าวอ้างว่าจำเลยทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงเพื่อเป็นเหตุเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณหาได้ไม่

แต่หากเป็นเพียงคำพูดจากระทบกระเทียบที่จำเลยไม่สมควรใช้กับโจทก์ซึ่งเป็นบุพการีเท่านั้นโดยกล่าวกับโจทย์ว่าหัวหงอกหัวขาวตายนานนั้น ถ้อยคำไม่ใช่คำด่าไม่เป็นเหตุประพฤติเนรคุณฎีกาที่ 1527 / 2534

3.ผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

1.หากผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้บุคคลอื่นโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน และมิใช่โดยเสน่หา ก่อนที่จะมีเหตุให้ผู้ให้ถอนคืนการให้ การคืนที่ดินย่อมตกเป็นพ้นพิสัย ผูัรับต้องรับผิดชอบคืนดอกผลของที่ดินและต้องใช้ราคาที่ดินเต็มราคาแก่ผู้ให้

2.การถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณ ได้เฉพาะผู้ให้เท่านั้น จะขอถอนคืนการให้เหตุเนรคุณกับผู้รับโอนจากผู้ให้ไม่ได้

3.ผู้ให้เท่านั้นที่จะบอกเพิกถอนคืนการให้ สามีหรือภรรยาของผู้ให้ที่เพียงให้ความยินยอมจะขอเพิกถอนการให้ไม่ได้

4.การให้ที่มิใช่โดยเสน่หา แต่เป็นการให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จะถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณไม่ได้

5.การฟ้องคดีต่อศาลที่ทรัพย์ตั้งอยู่

ปรึกษาทีมงานทนายความ
ทนายอธิป 061-939-9935
ทนายเบส 091-939-4249
ทนายหนึ่ง 084-444-8952
ทนายไผ่ 095-7819477
ทนายตี๋ใหญ่ 088-021-7716