MOST POPULAR
การใช้สิทธิไล่เบี้ยของผู้รับประกันภัย
การใช้สิทธิไล่เบี้ยของผู้รับประกันภัย
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ทีมงานทนายฟ้องประกัน โดยหัวหน้าสำนักงาน ทนายอธิป ชุมจินดา จะมาขอแนะนำประเด็นข้อกฎหมายในประเด็นที่ว่า การใช้สิทธิไล่เบี้ยของผู้รับประกันภัย
การใช้สิทธิไล่เบี้ยเมื่อผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้วนั้น เป็นการรับช่วงสิทธิอย่างหนึ่งที่ผู้รับประกันภัยชอบที่จะใช้สิทธิดังกล่าวได้ตามที่ตนได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฏหมายแพ่งพาณิชย์ ในมาตรา 880 ซึ่งบัญญัติว่า
มาตรา 880 ถ้าความวินาศภัยนั้นได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกไซร้ ผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปเป็นจำนวนเพียงใด ผู้รับประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยและของผู้รับประโยชน์ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกเพียงนั้น
ถ้าผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปแต่เพียงบางส่วนไซร้ ท่านห้ามมิให้ผู้รับประกันภัยนั้นใช้สิทธิของตนให้เสื่อมเสียสิทธิ์ของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ ในการที่เขาจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากบุคคลภายนอกเพื่อเศษแห่งจำนวนวินาศนั้น
ซึ่งตามมาตรา 880 ดังกล่าวนี้เป็นหลักพื้นฐานที่สำคัญอย่างหยึ่งของสัญญาประกันภัย คือหลักการรับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ไปใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลภายนอกได้เท่าจำนวนที่ตนได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไป โดยหลักการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการใช้ค่าสินไหมทดแทนที่แท้จริง และเพื่อให้บุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้ก่อวินาศภัยนั้น ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่ตนได้กระทำขึ้น อีกทั้งผู้เอาประกันภัยจะเรียกร้องค่าเสียหายจำนวนเดียวกันทั้งจากผู้ก่อวินาศภัยและผู้รับประกันภัยไม่ได้...
สำคัญผิดเรื่องกรมธรรม์ประกันชีวิต เพราะตัวแทนให้ข้อมูลไม่ตรง มีสิทธิฟ้องเรียกเงินคืนหรือไม่
สำคัญผิดเรื่องกรมธรรม์ปรกันชีวิต เพราะตัวแทนให้ข้อมูลไม่ตรง มีสิทธิฟ้องเรียกเงินคืนหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7666/2559
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 180,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ชำระเงิน 180,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม...
ใครบ้างถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายประกันภัย
ใครบ้างถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายประกันภัย
บทนำใครบ้างถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายประกันภัย
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ทนายฟ้องประกัน โดยหัวหน้าสำนักงาน ทนายอธิป ชุมจินดา จะขออนุญาตอธิบายเกี่ยวกับกรณี ใครบ้างถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายประกันภัย ซึ่งทีมงานทนายฟ้องประกัน จะมาให้ความรู้เบื้องต้นทางกฎหมายดังนี้
ส่วนได้เสียตามกฎหมายประกันภัยเป็นสิ่งสำคัญตามกฎหมายซึ่งกฎหมายบังคับไว้ว่าผู้เอาประกันภัยนั้นจะต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ได้เอาประกันภัยไว้ มิเช่นนั้นจะมีผลให้สัญญาประกันภัยไม่ผูกพันคู่สัญญาอย่างหนึ่งอย่างใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพณิชย์ มาตรา 863 โดยหากผู้เอาประกันภัยมิได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่เอาประกันภัยไว้ก็อาจทำให้สัญญาดังกล่าวเข้าข่ายเป็นลักษณะของการพนันขันต่อได้ ส่วนได้เสียตามกฎหมายประกัยในมาตรา 863 จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สามารถแยกประเภทของสัญญาประกันภัยกับการพนันขันต่อได้ โดยส่วนได้เสียตามกฎหมายนั้นสามารถแยกอธิบายได้ดังนี้
1.ในกรณีของประกันวินาศภัย คือประกันภัยอย่างใดที่สามารถประมาณเป็นเงินได้ กล่าวคือผู้เอาประกันภัยนั้นจะต้องมีความสัมพันธ์หรือความเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่เอาประกันภัย
1.1เจ้าของกรรมสิทธิ์ ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ย่อมเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายประกันภัยดังจะเห็นได้ว่าหากทรัพย์สินใดๆ เสียหายย่อมทำให้ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ไม่สามารถใช้ทรัพย์สินได้หรืออาจทำให้ทรัพย์สินนั้นเสื่อมราคาลงไปก็ย่อมทำให้เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นเสียหายได้ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเจ้าของกรรมสิทธิ์เป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมาย
1.2สิทธิและประโยชน์ที่กฎหมายรับรอง ผู้มีสิทธิต่างๆ...
LATEST ARTICLES
กรณีผู้รับประกันภัยเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยในการบังคับคดีตามคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ มาตรา ๒๗๑ ?
บทกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นนี้ คือ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๘๘๐ ถ้าความวินาศภัยนั้นได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกไซร้ ผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปเป็นจำนวนเพียงใด ผู้รับประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยและของผู้รับประโยชน์ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกเพียงนั้น
ถ้าผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปแต่เพียงบางส่วนไซร้ ท่านห้ามมิให้ผู้รับประกันภัยนั้นใช้สิทธิของตนให้เสื่อมเสียสิทธิของผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ ในการที่เขาจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากบุคคลภายนอกเพื่อเศษแห่งจำนวนวินาศนั้น
มาตรา ๒๒๖ บุคคลผู้รับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ ชอบที่จะใช้สิทธิทั้งหลายบรรดาที่เจ้าหนี้มีอยู่โดยมูลหนี้ รวมทั้งประกันแห่งหนี้นั้นได้ในนามของตนเอง
ช่วงทรัพย์ ได้แก่เอาทรัพย์สินอันหนึ่งเข้าแทนที่ทรัพย์สินอีกอันหนึ่ง ในฐานะนิตินัยอย่างเดียวกันกับทรัพย์สินอันก่อน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๒๗๔ ถ้าคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีหรือบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ชำระหนี้ (ลูกหนี้ตามคำพิพากษา) มิได้ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทั้งหมดหรือบางส่วน คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดีหรือบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ได้รับชำระหนี้ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) ชอบที่จะร้องขอให้มีการบังคับคดีโดยวิธียึดทรัพย์สิน อายัดสิทธิเรียกร้อง หรือบังคับคดีโดยวิธีอื่นตามบทบัญญัติแห่งภาคนี้ภายในสิบปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง และถ้าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินหรืออายัดสิทธิเรียกร้องใดไว้ หรือได้ดำเนินการบังคับคดีโดยวิธีอื่นไว้บางส่วนแล้วภายในระยะเวลาดังกล่าว ก็ให้ดำเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้อง หรือบังคับคดีโดยวิธีอื่นนั้นต่อไปจนแล้วเสร็จได้
ถ้าคำพิพากษาหรือคำสั่งกำหนดให้ชำระหนี้เป็นงวด เป็นรายเดือน หรือเป็นรายปี หรือกำหนดให้ชำระหนี้อย่างใดในอนาคต ให้นับระยะเวลาสิบปีตามวรรคหนึ่งตั้งแต่วันที่หนี้ตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นอาจบังคับให้ชำระได้
ถ้าสิทธิเรียกร้องตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นการให้ชำระเงิน ส่งคืนหรือส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่ง บุคคลซึ่งได้รับโอนหรือรับช่วงสิทธิตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นมีอำนาจบังคับคดีตามความในหมวด ๒...
เงินประกันชีวิต ไม่ใช่มรดก จึงไม่ตกทอดไปสู่ทายาท ?
บทกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นนี้ คือ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๘๙๗ ถ้าผู้เอาประกันภัยได้เอาประกันภัยไว้โดยกำหนดว่า เมื่อตนถึงซึ่งความมรณะให้ใช้เงินแก่ทายาททั้งหลายของตนโดยมิได้เจาะจงระบุชื่อผู้หนึ่งผู้ใดไว้ไซร้ จำนวนเงินอันจะพึงใช้นั้น ท่านให้ฟังเอาเป็นสินทรัพย์ส่วนหนึ่งแห่งกองมรดกของผู้เอาประกันภัย ซึ่งเจ้าหนี้จะเอาใช้หนี้ได้
ถ้าได้เอาประกันภัยไว้โดยกำหนดว่าให้ใช้เงินแก่บุคคลคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง ท่านว่าเฉพาะแต่จำนวนเงินเบี้ยประกันภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยได้ส่งไปแล้วเท่านั้นจักเป็นสินทรัพย์ส่วนหนึ่งแห่งกองมรดกของผู้เอาประกันภัยอันเจ้าหนี้จะเอาใช้หนี้ได้
มาตรา ๑๕๙๙ เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท
วรรคสอง ทายาทอาจเสียไปซึ่งสิทธิในมรดกได้แต่โดยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น
มาตรา ๑๖๐๐ ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ กองมรดกของผู้ตายได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย ตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่เป็นตัวอย่างให้ศึกษา ดังต่อไปนี้คือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๘๒๑/๒๕๕๔
ผู้ตายทำสัญญาประกันชีวิตไว้กับบริษัทประกันชีวิต โดยระบุภริยาเป็นผู้รับประโยชน์ ปรากฎว่าภริยาผู้ตายถึงแก่ความตายก่อนผู้ตาย เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย บริษัทประกันชีวิตสั่งจ่ายตั๋วแลกเงินระบุชื่อภริยาผู้ตายเป็นผู้รับเงิน ดังนี้ เงินตามสัญญาประกันชีวิตมิใช่ทรัพย์สินที่ผู้ตายมีอยู่ในขณะถึงแก่ความตายจึงไม่ใช่มรดกของผู้ตาย ส่วนภริยาผู้ตายซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยก็ถึงแก่ความตายไปก่อนผู้ตาย ย่อมไม่อยู่ในฐานะผู้รับประโยชน์ที่จะได้รับเงินตามสัญญาประกันชีวิต สิทธิของภริยาผู้ตายที่จะได้รับเงินตามกรมธรรม์ประกันภัยยังไม่เกิดขึ้น เงินตามตั๋วแลกเงินจึงไม่เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทของภริยาผู้ตาย
แม้เงินตามตั๋วแลกเงินจะมิใช่ทรัพย์มรดกของผู้ตายแต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 ลักษณะมรดกเป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งในอันที่จะใช้บังคับแก่เงินตามสัญญาประกันชีวิต เงินตามตั๋วแลกเงินจึงควรตกแก่ทายาทโดยธรรมของผู้ตายเสมือนหนึ่งเป็นทรัพย์มรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่...
กรณีการจัดการทำศพ สามีนอกกฎหมาย ?
บทกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นนี้ คือ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๖๔๙ ผู้จัดการมรดกซึ่งผู้ตายตั้งไว้ย่อมมีอำนาจและหน้าที่ในอันที่จะจัดการทำศพของผู้ตาย เว้นแต่ผู้ตายจะได้ตั้งบุคคลอื่นไว้โดยเฉพาะให้จัดการดังว่านั้น
วรรคสอง ถ้าผู้ตายมิได้ตั้งผู้จัดการมรดกหรือบุคคลใดไว้ให้เป็นผู้จัดการทำศพ หรือทายาทมิได้มอบหมายตั้งให้บุคคลใดเป็นผู้จัดการทำศพ บุคคลผู้ได้รับทรัพย์มรดกโดยพินัยกรรมหรือโดยสิทธิโดยธรรมเป็นจำนวนมากที่สุด เป็นผู้มีอำนาจและตกอยู่ในหน้าที่ต้องจัดการทำศพ เว้นแต่ศาลจะเห็นเป็นการสมควรตั้งบุคคลอื่นให้จัดการเช่นนั้น ในเมื่อบุคคลผู้มีส่วนได้เสียคนใดคนหนึ่งร้องขอขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่เป็นตัวอย่างให้ศึกษา ดังต่อไปนี้ คือ
พิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๖๙๖/๒๕๔๘
จำเลยที่ 1 มิได้เป็นทายาทของผู้ตายและไม่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการทำศพผู้ตาย แต่จำเลยที่ 1 อยู่กินฉันสามีภริยากับผู้ตายมานานกว่า 10 ปี โดยผู้ตายนั้นมานับถือศาสนาอิสลามเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 นับได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอต่อศาลให้ตั้งบุคคลอื่นเป็นผู้จัดการทำศพผู้ตายได้ หากจำเลยที่ 1 เห็นว่าโจทก์ซึ่งเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายและเป็นทายาทโดยธรรมที่มีสิทธิรับมรดกมากที่สุด อันมีอำนาจหน้าที่จัดการทำศพของผู้ตายไม่สมควรเป็นผู้จัดการทำศพตาม ป.พ.พ. มาตรา 1649 วรรคสอง การที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การต่อสู้คดีพอถือได้ว่า...
นายจ้างต้องร่วมรับผิดจากการกระทำละเมิดของนายจ้างในกรณีใดบ้าง
ความรับผิดในการทำละเมิดของลูกจ้าง
ความรับผิดในการทำละเมิดของลูกจ้าง มาตรา ๔๒๕ “นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดซึ่ง ลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น”
เหตุที่กฎหมายบัญญัติให้นายจ้างต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดของ ลูกจ้าง มี ๔ ประการ คือ
๑. นายจ้างมีส่วนผิดเพราะเลือกลูกจ้างไม่ดี จึงมีการก่อให้เกิดความ เสียหายขึ้น
๒. นายจ้างมีส่วนผิดเพราะควบคุมดูแลลูกจ้างไม่ดี ปล่อยให้เขาไป ทำละเมิดขึ้น ไม่ดูแลให้ดี ไม่ว่ากล่าวให้ดี
๓. นายจ้างได้รับประโยชน์จากการกระทำของลูกจ้าง เมื่อได้รับ ประโยชน์ก็ต้องได้รับผลเสียอันเกิดจากการกระทำของลูกจ้างด้วย
๔. ลูกจ้างเป็นผู้ทำการงานนั้น ก็เสมือนหนึ่งนายจ้างเป็นผู้ทำเอง เปรียบเทียบได้ว่าลูกจ้างเป็นแขนขาให้นายจ้างเมื่อไปทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดเข้า มีผล เท่ากับตัวนายจ้างเป็นผู้กระทำการงานนั้นเอง เพราะฉะนั้นนายจ้างจึงสมควรที่ จะต้องร่วมรับผิดด้วย
(ฎ.๔๘๐๗/๒๕๕๘) เมื่อลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างแล้วเป็นละเมิด นายจ้างจึง ต้องรับผลนั้นด้วย โดยต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างตามมาตรา ๒๙๑ แต่นายจ้างก็ มีสิทธิไล่เบี้ยจากลูกจ้างได้ในภายหลังตาม มาตรา ๒๙๖ และ ๔๒๖...
ความหมาย กระทำโดยประมาทเลินเล่อ ที่ศาลฎีกาวางหลักไว้มีว่าอย่างไร
กระทำโดยประมาทเลินเล่อ ได้แก่ การกระทำโดยไม่จงใจ แต่ผู้กระทำได้ กระทำโดยขาดความระมัดระวังตามสมควร คือ เป็นการกระทำที่อยู่ในลักษณะที่ บุคคลผู้มีความระมัดระวังไม่กระทำด้วย เพราะฉะนั้นการที่เขาทำไป ถือว่าเป็น การกระทำที่ขาดความระมัดระวัง เรียกว่าเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ แล้ว เมื่อเปรียบกับคำว่า “ประมาท” ตามที่ ปอ.มาตรา ๕๙ วรรคสี่ ว่า “กระทำ โดยประมาท ได้แก่ กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจาก ความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และ ผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
มีปัญหาว่าประมาทเลินเล่อในทางแพ่งกับประมาทในทางอาญา เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร ในเรื่องนี้ศาสตราจารย์ประมูล สุวรรณศร ได้ อธิบายว่า “ความจริงประมาทในทางอาญากับประมาทเลินเล่อในทางแพ่งนั้น ว่า ตามทฤษฎีระดับไม่เท่ากัน กล่าวคือประมาทเลินเล่อในทางแพ่งนั้นเพ่งอยู่ที่การ...
ลงบันทึกประจำวันตกลงจบค่าเสียหายเรื่องรถชน นายจ้างหลุดพ้นความรับผิดหรือไม่
มีบ่อย ๆ คือเรื่องขับรถประมาททำให้เขาเสียหาย เมื่อไปถึงสถานีตำรวจมี การลงบันทึกรายงานประจำวันไว้ว่า คนขับยอมรับว่าขับรถโดยประมาท ยอมใช้ ค่าเสียหายเป็นเงินเท่าไร แล้วคู่กรณีทั้งสองฝ่ายลงชื่อไว้ ต่อมาไปทวงคนขับรถก็ ไม่ยอมชำระ หากฟ้องศาลก็ไม่มีหลักทรัพย์อะไรที่จะบังคับคดี แถมถูกนายจ้างไล่ ออกจากงาน คู่กรณีจึงฟ้องนายจ้างให้รับผิดตามมาตรา ๔๒๕ ในกรณีที่นายจ้าง ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดซึ่งลูกจ้างได้ทำไปในทางการที่จ้าง หนี้ละเมิดต้องมีอยู่ หากหนี้ละเมิดระงับแล้ว นายจ้างก็ไม่ต้องรับผิด บันทึกรายงานประจำวันที่ทั้งสอง ฝ่ายลงชื่อด้วยกัน ถือว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ หนี้ละเมิดก็ระงับ เพราะเป็นการแปลงหนี้ใหม่ กลายเป็นหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ นายจ้างก็หลุดทันที หนี้ตามสัญญาฟ้องคนขับได้เพียงคนเดียว
ฎ.๑๓ ๙๙/๒๕๒๖ “จำเลยที่ ๑ ขับรถชนรถของ ป. เสียหายจึงทำ ข้อตกลงค่าเสียหายในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี มีความว่า ป....
ดอกเบี้ยในค่าเสียหายมีได้หรือไม่ศาลฎีกาวางหลักไว้อย่างไร
ดอกเบี้ยในค่าเสียหาย เมื่อโจทก์มีสิทธิได้รับการชดใช้ค่าเสียหายตาม มาตรา ๔๓ ๔ และมาตราต่อ ๆ มาแล้ว หากเป็นตัวเงินจำเลยก็ต้องรับผิดใน ดอกเบี้ย อัตราร้อยละ ๓๗.๕ ต่อปี ตามมาตรา ๒๐๖, ๒๒๔ ทีนี้ก็มีปัญหาว่า ดอกเบี้ยนับแต่วันไหน คือนับแต่วันละเมิดอันเป็นวันผิดนัด หรือนับแต่วันฟ้อง หรือนับแต่วันพิพากษา เดิมศาลฎีกาให้นับแต่วันฟ้อง (ฎ.๕๐๑๔/๒๕๕nn) ก็มี ให้นับแต่วันพิพากษา (ฎ.๑๖๔๔/๒๕๐๙) ก็มี ซึ่งไม่สอดคล้องกับสองมาตรานี้
มาตรา ๒๐๖ “ในกรณีหนี้อันเกิดแต่มูลละเมิด ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัด มาแต่เวลาที่ทำละเมิด”
มาตรา ๒๒๔ “หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัด ร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี ถ้าเจ้าหนี้อาจจะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่านั้นโดยอาศัยเหตุ อย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมายก็ให้คงส่งดอกเบี้ยต่อไปตามนั้น ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยร้อนดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัด
การพิสูจน์ค่าเสียหายอย่างอื่นนอกกว่านั้น...
วิธีการกำหนดค่าสินไหมทดแทน ศาลฎีกาพิจารณาจากสิ่งใดบ้าง
วิธีกำหนดค่าสินไหมทดแทน การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามที่ มาตรา ๔๓๘ กำหนดให้ใช้ตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด บางครั้งถ้าหากผู้เสียหายมีส่วนผิดศาลก็อาจจะแบ่งส่วนรับผิดได้ตามที่บัญญัติไว้ ในมาตรา ๔๔๒ หรือว่าความเสียหายนั้นเกิดจากการกระทำของคนหลายคนที่ ไม่ใช่ร่วมกันทำละเมิดตามมาตรา ๔๓๒ ศาลก็อาจจะกำหนดว่าให้คนไหนรับผิด เท่าไรได้ ตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๔๓๔ นี้
ในมาตรา ๔๓๔ แยกพิจารณาได้ดังนี้
โดยสถานใด หมายถึงให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนวิธีไหน ขึ้นอยู่กับการทำ ละเมิดของจำเลย และความเสียหายที่โจทก์ได้รับ จะให้คืนทรัพย์สินหรือใช้ ราคาทรัพย์ หรือว่าจะให้ใช้ค่าเสียหาย หรือว่าจะให้โฆษณาทางหน้าหนังสือพิมพ์ ให้จำเลยออกจากที่พิพาท ให้จำเลยหยุดการกระทำต่อไปซึ่งละเมิด หรือให้เพิก ถอนการโอนทรัพย์ (ฎ.๒๔/๒๔๙๕) ให้เจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่ (ฎ. ๔๘๑/๒๕๕๕)
เพียงใด จะให้ใช้เป็นจำนวนเงินเท่าไร กฎหมายกำหนดให้ศาลใช้ ดุลพินิจตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด...
ประเภทค่าสินไหมทดแทน ในมาตรา ๔๓๔ นี้ มีอยู่สองคำที่ต้องทำ ความเข้าใจคือ คำว่า “ค่าสินไหมทดแทน” กับคำว่า “ค่าเสียหาย” ทั้งสองคำนี้มี บัญญัติไว้ในเรื่องนิติกรรมสัญญาด้วย โดยในมาตรา ๒๒๒ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่น ที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น” คำว่า “ค่าเสียหาย” และ “ค่า สินไหมทดแทน” ตามมาตรา ๒๒๒ จึงมีความหมายอย่างเดียวกัน แต่คำว่า “ค่า สินไหมทดแทน” ตามมาตรา ๔๓๔ เป็นคำกว้าง เป็นการชดใช้ความเสียหายอัน เกิดจากการทำละเมิด ได้แก่
๑. การคืนทรัพย์สินหรือใช้ราคาทรัพย์นั้น
๒. การใช้ค่าเสียหาย
แต่การใช้ค่าสินไหมทดแทนหามีเพียงการคืนทรัพย์สินหรือใช้ราคา ทรัพย์และการใช้ค่าเสียหายเท่านั้นไม่...
ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการขาดไร้อุปการะ ศาลฎีกาคำนวณจากอะไรบ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5628/2560
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งเก้าร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน 1,300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 17 มีนาคม 2556 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การและไม่มาศาลในวันนัดสืบพยาน
จำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 ถึงที่ 9 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาโจทก์ทั้งสองกับจำเลยที่ 4 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ฉบับลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2558
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 1,275,000...