Home ความรู้ในการพัฒนาวิชาชีพทนายความ ค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น ถือเป็นค่าสินไหมทดแทนหรือไม่

ค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น ถือเป็นค่าสินไหมทดแทนหรือไม่

234
0

ค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น ถือเป็นค่าสินไหมทดแทนหรือไม่

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องโดยได้รับอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลเฉพาะค่าขึ้นศาลกึ่งหนึ่ง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระค่าเสียหาย รวมเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง 1,074,794.52 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้น 1,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสี่ให้การทำนองเดียวกันขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันชำระเงิน 200,000 บาท จำเลยที่ 4 ชำระเงิน 174,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2552 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์เท่าที่ชนะคดี กำหนดค่าทนายความให้ 10,000 บาท

โจทก์และจำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ โดยโจทก์ได้รับอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลเฉพาะค่าขึ้นศาลกึ่งหนึ่ง

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงิน 284,918.29 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยทั้งสี่ฎีกาโดยโจทก์ได้รับอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลเฉพาะค่าขึ้นศาลกึ่งหนึ่ง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงตามที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า ในวันและเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน 80 – 9451 จันทบุรี และรถลากพ่วง หมายเลขทะเบียน 80 – 9453 จันทบุรี ของจำเลยที่ 2 มีจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิด นายจ้างโดยทำประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 4 ไปตามถนนสายบ้านเก่า – หนองตำลึง ตำบลบ้านเก่า อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี มุ่งหน้าถนนอมตะเฟส 6 – อมตะเฟส 7 อันเป็นทางร่วมทางแยก เฉี่ยวชนกับรถเก๋ง หมายเลขทะเบียน ฐย – 1981 กรุงเทพมหานคร ของโจทก์ที่กำลังขับผ่านทางร่วมทางแยกเดียวกันดังกล่าวทำให้รถเก๋งของโจทก์และรถบรรทุกคันที่จำเลยที่ 1 ขับได้รับความเสียหายถูกไฟไหม้ทั้งสองคันและโจทก์ได้รับอันตรายสาหัส ต่อมาโจทก์และจำเลยที่ 1 ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาโดยโจทก์ถูกฟ้องข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย จำเลยที่ 1 ถูกฟ้องข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย ศาลแขวงชลบุรีมีคำพิพากษาว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างฝ่ายต่างประมาท ลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 2 ปี และปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ส่วนโจทก์ลงโทษปรับ 1,000 บาท ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 836/2553 หมายเลขแดงที่ 5213/2553 ของศาลแขวงชลบุรีและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 349/2554 หมายเลขแดงที่ 3425/2554 ของศาลอุทธรณ์ภาค 2 คดีถึงที่สุด มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์และจำเลยทั้งสี่ว่า ค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงใดและจำเลยทั้งสี่ต้องชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์เพียงใด ในส่วนความเสียหายของรถโจทก์นั้นรถโจทก์ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งคัน โจทก์ขอค่าเสียหายราคารถยนต์เป็นเงิน 100,000 บาท แต่จำเลยทั้งสี่อ้างว่ารถโจทก์มีราคาเพียง 40,000 บาท ตามบันทึกคำให้การของนายครรชิต และบันทึกการตรวจสภาพเครื่องกลและอุปกรณ์ 9 เห็นว่า นายครรชิตไม่เคยเห็นสภาพรถโจทก์ก่อนเกิดเหตุว่ามีสภาพดีและอุปกรณ์ของรถดีเพียงใดการตีราคารถโจทก์หลังเกิดเหตุเป็นแต่เพียงการคาดคะเนเองเท่านั้น ดังนั้นจึงจะถือเอาการตีราคาของนายครรชิตว่ารถโจทก์มีราคาเพียง 40,000 บาท เท่านั้นหาได้ไม่ รถโจทก์เป็นรถยนต์ยี่ห้อเปอร์โยต์แม้ตามรายการจดทะเบียน จะปรากฏว่าใช้งานมานานประมาณ 10 ปี แล้วก็ตาม แต่ก็น่าเชื่อว่ารถยังมีสภาพดีเพราะโจทก์ยังสามารถใช้ขับไปทำงานและส่งของได้ตามปกติ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 กำหนดราคาค่าเสียหายรถโจทก์เป็นเงิน 100,000 บาท จึงเหมาะสมแล้ว สำหรับค่ารักษาพยาบาลโจทก์เรียกร้องมาเป็นเงิน 163,636.59 บาท โจทก์ฎีกาอ้างว่าโจทก์คิดตามใบเสร็จที่จ่ายจริง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 นำค่ารักษาพยาบาลที่โจทก์ได้รับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มาหักออกจากค่ารักษาพยาบาลที่โจทก์จ่ายไปจริงเป็นการไม่ชอบ ส่วนจำเลยทั้งสี่ฎีกาอ้างว่า เป็นเพียงใบแจ้งค่ารักษาพยาบาลหาใช่ใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลไม่ โจทก์จึงไม่ได้ชำระเงินตามจำนวนในเอกสารดังกล่าวจริงนั้น เห็นว่า ระบุว่าใบเสร็จรับเงินผู้ป่วยใน/ใบงบสรุปค่ารักษาพยาบาล มีรายการระบุถึงค่ารักษาต่างๆ จึงน่าเชื่อว่าโจทก์ได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลดังกล่าวจริง อย่างไรก็ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 4 กำหนดให้ค่ารักษาพยาบาลเป็นค่าเสียหายเบื้องต้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเงินค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 25 วรรคสอง และเมื่อบริษัทรับประกันภัยจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นดังกล่าวไปแล้วเป็นจำนวนเท่าใด มาตรา 31 บัญญัติว่าย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากบุคคลภายนอกหรือจากเจ้าของรถ ผู้ขับขี่รถ ผู้ซึ่งอยู่ในรถ หรือผู้ประสบภัย หากเกิดขึ้นเพราะความจงใจหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของบุคคลดังกล่าว แม้มาตรา 22 จะไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ก็ตาม แต่ก็มิได้หมายความว่าเป็นการให้สิทธิโจทก์ในอันจะได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลที่รับไปแล้วได้อีก เมื่อโจทก์เบิกความรับว่าได้รับค่ารักษาพยาบาลจากพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถฯ แล้ว กรณีจึงต้องนำเงินที่โจทก์ได้รับมาแล้ว 50,000 บาท ตามกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หักออกจากค่ารักษาพยาบาลจำนวน 163,636.59 บาท ที่โจทก์จ่ายไปจริง จำเลยทั้งสี่จึงต้องชำระค่ารักษาพยาบาลแก่โจทก์เป็นเงิน 113,636.59 บาท

อนึ่ง คดีนี้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ฟ้องโดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลเฉพาะค่าขึ้นศาลกึ่งหนึ่ง และพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์เท่าที่ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความให้ 10,000 บาท แต่มิได้สั่งให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระค่าธรรมเนียมศาลในนามของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 158 ศาลฎีกาจึงสั่งใหม่ให้ถูกต้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงิน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2552 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าธรรมเนียมในศาลชั้นต้นที่จำเลยทั้งสี่จะต้องร่วมกันใช้แทนโจทก์เท่าที่ชนะคดีนั้น ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระต่อศาลกึ่งหนึ่งในนามของโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2