Home ความรู้ในการพัฒนาวิชาชีพทนายความ ค่าใช้จ่ายในการประกอบพิธีกรรมลอยอังคารและทำบุญถวายพระ สามารถฟ้องเรียกได้หรือไม่

ค่าใช้จ่ายในการประกอบพิธีกรรมลอยอังคารและทำบุญถวายพระ สามารถฟ้องเรียกได้หรือไม่

117
0

ค่าใช้จ่ายในการประกอบพิธีกรรมลอยอังคารและทำบุญถวายพระ สามารถฟ้องเรียกได้หรือไม่

การฟ้องคดีประกันภัยเป็นกระบวนการที่ผู้เสียหายจากเหตุอุบัติเหตุ การเสียชีวิต หรือความเสียหายอื่นๆ สามารถยื่นฟ้องต่อบริษัทประกันภัยเพื่อขอรับค่าสินไหมทดแทน หากบริษัทประกันภัยไม่ยินยอมจ่ายค่าสินไหมทดแทน หรือมีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิ์หรือเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย

การฟ้องคดีประกันภัยมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้:

1.พิจารณาสิทธิ์ฟ้อง: ตรวจสอบสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย และตรวจสอบว่ามีข้อยุติหรือไม่

2.เตรียมเอกสารและหลักฐาน: รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีประกันภัย อาทิเช่น รายงานการเกิดเหตุ, รายละเอียดความเสียหาย, และหลักฐานที่สนับสนุนความเสียหาย

3.สืบสวนและต่อรอง: ขอให้บริษัทประกันภัยสืบสวนเหตุการณ์และความเสียหาย หากสามารถตกลงกันได้ อาจไม่ต้องเปิดคดีฟ้อง

4.ยื่นฟ้องคดี: หากไม่สามารถตกลงกันได้ ผู้เสียหายสามารถยื่นฟ้องคดีประกันภัยต่อศาล และปฏิบัติตามขั้นตอนการฟ้องที่กำหนด

5.การพิจารณาคดี: ซึ่งเป็นกระบวนตามขั้นตอนที่ศาลกำหนดและนำไปสู่กระบวนการตัดสิน

ค่าใช้จ่ายในการประกอบพิธีกรรมลอยอังคารและทำบุญถวายพระ สามารถฟ้องเรียกได้หรือไม่ มีคำพิพากษาศาลฎีกาวางหลักไว้

แม้จำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมต่างคนต่างขับรถโดยประมาท แต่ความประมาทของจำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ซึ่งเป็นหนี้อันมิอาจแบ่งแยกจากกันได้ จำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดต่อโจทก์อย่างลูกหนี้ร่วมตาม ป.พ.พ. มาตรา 301 ประกอบมาตรา 291 เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยร่วมเป็นผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาล 14,631 บาท แก่โจทก์แล้ว จึงเป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 1 ด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา 292 โจทก์มิอาจเรียกค่ารักษาพยาบาลจำนวนเดียวกันนี้จากจำเลยที่ 1 ได้อีกเพราะจะเป็นการซ้ำซ้อนกันค่าใช้จ่ายของญาติผู้ตายที่เดินทางมาช่วยจัดการศพ และค่าใช้จ่ายในการประกอบพิธีกรรมลอยอังคารและทำบุญถวายพระเป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่น ๆ นอกเหนือไปจากค่าปลงศพ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 443 วรรคหนึ่งขณะเกิดเหตุ โจทก์มีอายุ 48 ปี ส่วนผู้ตายกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาสถิติประยุกต์ มหาวิทยาลัย ท. หากผู้ตายไม่ถึงแก่ความตายย่อมมีโอกาสจบการศึกษาและประกอบอาชีพมีรายได้จากการทำงาน เห็นควรกำหนดค่าขาดไร้อุปการะในอัตราเดือนละ 14,000 บาท เป็นเวลา 15 ปีระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา มีประกาศใช้ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2564 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 โดยมาตรา 3 และมาตรา 4 แห่งพระราชกำหนดดังกล่าว ให้ยกเลิกมาตรา 7 และมาตรา 224 แห่ง ป.พ.พ. และให้ใช้ความใหม่แทน เป็นผลให้ดอกเบี้ยผิดนัดปรับเปลี่ยนจากอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี เป็นอัตราร้อยละ 3 ต่อปี บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี หรือ อัตราดอกเบี้ยใหม่ที่กระทรวงการคลังปรับเปลี่ยนโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา แต่ไม่กระทบกระเทือนถึงการคิดดอกเบี้ยผิดนัดในระหว่างช่วงเวลาก่อนที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ ทั้งนี้ปัญหาเรื่องการคิดดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ตามกฎหมายเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาสามารถยกขึ้นวินิจฉัยเองและกำหนดดอกเบี้ยให้เป็นไปตามพระราชกำหนดดังกล่าวได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5)