Home ความรู้ในการพัฒนาวิชาชีพทนายความ ต้องถูกออกจากราชการ ก่อนกำหนดเพราะ ถูกอุบัติเหตุรถชน ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้หรือไม่

ต้องถูกออกจากราชการ ก่อนกำหนดเพราะ ถูกอุบัติเหตุรถชน ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้หรือไม่

162
0

ต้องถูกออกจากราชการ ก่อนกำหนดเพราะ ถูกอุบัติเหตุรถชน ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 829/2509

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1, 2 ประกอบกิจการค้าในประเภทอุตสาหกรรมทำน้ำอัดลมฯ และเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกสำหรับใช้บรรทุกน้ำอัดลมในกิจการค้าของบริษัทจำเลย จำเลยที่ 3 ในฐานะลูกจ้างและตามทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ได้ขับรถบรรทุกของจำเลยที่ 1 ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังอันควรเป็นวิสัยของปกติชน และด้วยความเร็วสูงไม่หยุดรถตามสัญญาณของเจ้าพนักงานตำรวจจราจร เป็นเหตุให้ชนรถสามล้อเครื่องซึ่งหยุดอยู่ตามสัญญาณของเจ้าพนักงานจราจร รถสามล้อเครื่องได้พุ่งเข้าชนโจทก์โดยแรงในขณะที่โจทก์เตรียมตัวจะเดินข้ามถนนในทางข้าม เป็นเหตุให้โจทก์ล้มพาดได้รับบาดเจ็บถึงอันตรายสาหัสและทุพพลภาพ และถูกออกจากราชการ การกระทำของจำเลยที่ 3 ทำให้โจทก์เสียหายรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 270,810 บาท 16 สตางค์ขอให้ศาล บังคับให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์รวมทั้งดอกเบี้ย

 

จำเลยที่ 1 ต่อสู้ว่าจำเลยไม่ต้องรับผิด เพราะจำเลยที่ 3 มิได้กระทำผิดตามฟ้อง โจทก์มิได้รับบาดเจ็บจริง มิได้เสียหายตามฟ้องการออกจากงานเป็นเรื่องของโจทก์เอง

 

จำเลยที่ 2 ต่อสู้คดีเช่นเดียวกันกับจำเลยที่ 1 และสู้ว่าจำเลยเป็นแต่กรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 เท่านั้น ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว

 

จำเลยที่ 3 รับว่าขับรถชนสามล้อเครื่องจริง แต่ไม่ได้ถูกตัวโจทก์ โจทก์ล้มไปเอง โจทก์ถูกออกจากราชการ เพราะโจทก์อ่อนแอไม่แข็งแรงอยู่ก่อน ถึงไม่ถูกรถชนก็ต้องออกเพราะลาป่วยบ่อย ๆ โจทก์ไม่ได้รับบาดเจ็บดังฟ้อง และไม่ได้เสียหายจริงดังฟ้อง

 

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า โจทก์ได้รับบาดเจ็บจากการถูกรถที่จำเลยที่ 3 ขับชนรถสามล้อเครื่องจริง แต่โจทก์ไม่พิการทุพพลภาพไปตลอดชีวิตโจทก์ออกจากราชการเพราะโจทก์อ่อนแอไม่แข็งแรงไม่ใช่เพราะการละเมิดของจำเลย ให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 20,210 บาท จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดให้ยกฟ้อง

 

โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

 

เฉพาะจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ คดีสำหรับจำเลยที่ 2 จึงยุติ

 

ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์โจทก์จำเลยแล้วพิพากษายืน

 

โจทก์ฎีกา

 

ศาลฎีกาเห็นว่าค่าเสียหายเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลและค่าพาหนะศาลล่างพิพากษาชอบแล้ว ส่วนค่าเสียความสามารถในการประกอบการงานและค่าเสียหายในการออกจากงานเพราะร่างกายอ่อนแอเนื่องจากถูกรถชนนั้น เห็นว่าในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาลรวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงาน และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนทั้งในปัจจุบันและในเวลาอนาคตด้วย เมื่อโจทก์ต้องถูกออกจากราชการก่อนถึงกำหนดเกษียณอายุเพราะเสียความสามารถประกอบการงาน ทำให้เสียอาชีพขาดประโยชน์ทำมาหาได้ตามปกติไป ถือว่าเป็นค่าเสียหายตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ผู้ละเมิดจำต้องใช้ค่าเสียหายที่ขาดประโยชน์ทำมาหาได้นี้และเหตุที่ร่างกายโจทก์อ่อนแอจนต้องถูกปลดจากงานก็เพราะถูกรถจำเลยชน จำเลยจึงต้องรับผิดในผลเสียหายที่เกิดขึ้น ค่าสินไหมทดแทนในกรณีละเมิดจะพึงให้ใช้เพียงใด ศาลวินิจฉัยได้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด

 

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 และที่ 3ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ 120,210 บาท กับดอกเบี้ย

สรุป

ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาลรวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงาน และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนทั้งในปัจจุบันและในเวลาอนาคตด้วย การที่โจทก์ต้องถูกออกจากราชการก่อนถึงกำหนดเกษียณอายุ เพราะเสียความสามารถประกอบการงาน ทำให้เสียอาชีพขาดประโยชน์ทำมาหาได้ตามปกติไป ต้องถือว่าเป็นค่าเสียหายตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ผู้ละเมิดจำต้องใช้ค่าเสียหายที่ขาดประโยชน์ทำมาหาได้นี้

ค่าสินไหมทดแทนในกรณีละเมิดจะพึงให้ใช้เพียงใด ศาลวินิจฉัยได้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด