เลี้ยวโดยไม่รอสัญญาณไฟจราจร ถือว่ากระทำโดยประมาทหรือไม่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2535 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 78, 157, 160 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 91 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43, 78, 157, 160 ข้อหาขับรถประมาทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 4 ปี ข้อหาหลบหนีไม่ช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จำคุก 2 เดือนเรียงกระทงลงโทษรวมจำคุก 4 ปี 2 เดือน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ไปตามถนนพระรามที่...
ขับรถฝ่าฝืนไฟสีเหลืองอำพัน มีความผิดฐานประมาทหรือไม่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2534 โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์สาธารณรับจ้างด้วยความเร็วสูงเข้าสู่สี่แยกฝ่า สัญญาณไฟแดงโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนกับรถจักรยานยนต์ที่จำเลยที่ 2 ขับขี่ มีนายดาวเรืองนั่งซ้อนท้ายทำให้นางยี่โถ ได้รับอันตรายแก่กายสาหัส จำเลยที่ 2ได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยที่ 2 ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนและขับขี่โดยประมาทฝ่า สัญญาณไฟแดงเจ้าสู่สี่แยกเป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับ ทำให้นางยี่โถ ได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43, 157 พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา...
ขับรถฝ่าฝืนป้ายสัญญาณจราจร ถือว่าประมาทหรือไม่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2534 โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 2ซึ่งเอาประกันภัยค้ำจุน ไว้กับบริษัทจำเลยที่ 3 ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาท ขณะจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ใกล้ถึงทางตัดผ่านทางรถไฟบริเวณที่หยุดรถ จำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจรที่กำหนดไว้ให้จำเลยต้องระวังและหยุดรถก่อนถึงทางรถไฟเพื่อดูว่ามีรถไฟผ่านหรือไม่ก่อนทั้ง ๆ ที่มีรถยนต์คันอื่นหยุดรถรออยู่ก่อนแล้ว แต่จำเลยที่ 1 กลับคืนรถยนต์แซงรถยนต์คันที่จอดรอ ข้ามทางรถไฟซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ขบวนรถไฟของโจทก์ลากจูงโดยรถจักรดีเซลกำลังแล่นผ่านทางตอนนั้นพอดี สุดความสามารถที่เจ้าหน้าที่ของโจทก์จะหยุดขบวนรถไฟได้ทัน จึงชนกับรถยนต์คันดังกล่าว ทำให้รถยนต์ตกไปข้างทางรถไฟ รถจักรดีเซลตกราง 2 ล้อ และได้รับความเสียหาย ทางรถไฟชำรุดเสียหายรถไฟที่ตกรางกีดขวางการเดินรถทำให้ขบวนรถอื่น ๆ เสียเวลา โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันและแทนกันชำระค่าเสียหาย 112,186 บาท ให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยที่ 1...
ขับรถบรรทุกอ้อยล้นท้ายรถ ถือว่ากระทำโดยประมาทหรือไม่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7282/2544 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ (๔), ๗๘, ๑๕๗, ๑๖๐ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑, ๓๐๐ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๐ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ (๔), ๑๕๗ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๐ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๔ เดือน กับมีความผิดตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒...
ขับรถที่ท่อยางเบรคอ่อน ถือว่าประมาทหรือไม่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2530 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 291,300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 6, 43, 78, 148, 157,160 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา291, 300 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฏหมายหลายบท ลงโทษบทหนัก จำคุก 4 ปีและมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 6, 43, 78,148, 157, 160 จำคุก 2 เดือน รวม จำคุก 4 ปี 2 เดือน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า...
ประกันวางเงินค่าเสียหายเต็มกรมธรรม์ หลุดพ้นความรับผิดได้หรือไม่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4940/2533 โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นลูกน้องของจำเลยที่ ๓ กระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๓ฝ่ายหนึ่ง ขับรถยนต์ชนกันโดยประมาทเป็นเหตุให้กระบะรถคันที่จำเลยที่ ๑ ขับรถฟาดรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ ๑ ในฐานะนายจ้างของจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๔ ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์คันที่จำเลยที่ ๑ ขับต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งละเมิดของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันและแทนกันชดใช้เงินให้โจทก์ ๓๐,๖๗๓.๒๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินจำนวน ๒๘,๗๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ให้การทำนองเดียวกันว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์ความเสียหายของรถยนต์ของโจทก์เกิดจากความประมาทของจำเลยที่...
ความหมายของการเกิดอุบัติเหตุ ศาลฎีกาวางหลักไว้อย่างไร คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3622/2528 โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เอาประกันภัยรถยนต์ไว้แก่จำเลย และได้เอาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลขับขี่ไม่ระบุนามจำนวน ๑ ที่นั่ง ซึ่งจำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์ในกรณีที่ผู้ขับขี่ได้ถึงแก่มรณกรรมอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุที่ได้เกิดขึ้นแก่รถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ ต่อมาระหว่างอายุสัญญาประกันภัย รถยนต์ที่โจทก์เอาประกันภัยไว้ถูกคนร้ายชิงไป พร้อมทั้งฆ่าผู้ขับขี่ขณะรถยนต์บรรทุกมันเม็ดเพื่อนำส่งที่กรุงเทพมหานคร จำเลยไม่ยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ขอให้พิพากษาและบังคับจำเลย จำเลยให้การว่า มรณกรรมของผู้ขับขี่รถยนต์โจทก์ที่เอาประกันภัยไว้ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุตามความหมายแห่งสัญญา แต่เกิดจากการประทุษร้ายจากบุคคลอื่นซึ่งเป็นการฆาตกรรม การที่รถยนต์คันดังกล่าวถูกคนร้ายชิงเอาไปมิใช่เป็นอุบัติเหตุ แต่เป็นการกระทำโดยทุจริตจากคนร้ายที่จะเอารถยนต์คันที่ระบุไว้ในสัญญา จำเลยจึงยังไม่ผิดสัญญาและไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๓๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายเรื่องความหมายของกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเอกสารหมาย จ.๓ มีข้อความว่า จะใช้บังคับเฉพาะเมื่อผู้ขับขี่ที่ได้รับอนุญาตจากผู้เอาประกันภัยที่ระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ ได้รับอุบัติเหตุในขณะที่กำลังขับขี่ หรือกำลังขึ้นหรือลงจากรถยนต์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยเท่านั้นซึ่งหมายความว่าผู้ขับขี่ที่ได้รับอุบัติเหตุและมีผลให้ถึงแก่ความตาย ต้องเป็นผู้ที่กำลังขับขี่อยู่บนรถยนต์ในฐานะผู้ขับขี่ และต้องเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้เอาประกันภัยรถยนต์ไว้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์นั้น ข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมามีว่า นายทองหลางผู้ขับขี่รถยนต์ได้ขับรถยนต์โจทก์บรรทุกของจะไปส่งที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างทางที่อำเภอคงได้ถูกคนร้ายชิงรถยนต์ไป โดยคนร้ายได้ฆ่านายทองหลางคนขับถึงแก่ความตายด้วย นายทองหลางถูกฆ่าตายเนื่องจากคนร้ายมีเจตนาลักทรัพย์รถยนต์ของโจทก์ คนร้ายมิได้มีเจตนาฆ่านายทองหลางมาแต่ต้น และนายทองหลางถูกคนร้ายทำร้ายถึงตาย...
ขับรถโดยไม่มีไฟหน้าและไฟเลี้ยว ถูกชนถือว่าประมาทหรือไม่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 983/2546 โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์กระบะด้วยความประมาท จนเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ที่แล่นสวนทางมา ทำให้นายขาว ผู้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว เด็กชายมะหาด ผู้นั่งซ้อนท้ายได้รับอันตรายสาหัส นายมะม่วงผู้นั่งซ้อนท้ายอีกคนหนึ่งได้รับอัตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300, 390, 91 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157   จำเลยให้การปฏิเสธ   ระหว่างพิจารณาเด็กชายมะหาด ผู้เสียหายโดยนายใบเตยบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต (ที่ถูกเฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300, 390)   ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง   โจทก์ร่วมอุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง   ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300, 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43(4), 157 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท...
จอดรถหันหัวย้อนศรแล้วถูกชน ถือว่ามีส่วนประมาทหรือไม่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5556/2533 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒มาตรา ๕๔,๑๔๘ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๔, ๑๔๘ ให้ปรับจำเลย๒๐๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๔ วรรคสอง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยได้นำรถยนต์หมายเลขทะเบียน ๒ ค -๔๗๒๓ กรุงเทพมหานคร ไปจอดไว้ในซอยกว้างประมาณ ๕ เมตร ทางด้านขวาของทางเดินรถของจำเลย โดยไม่จอดรถทางด้านซ้ายของทางเดินรถ และไม่จอดรถให้ด้านซ้ายของรถขนานชิดกับขอบทางในระยะห่างไม่เกิน ๒๕ เซนติเมตร และวินิจฉัยว่าที่จำเลยฎีกาว่าบริเวณที่จอดรถ คันเกิดเหตุไม่มีขอบทางเพราะริมทางเดินรถมีรั้วสังกะสี และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดโดยฟังหรืออาศัยพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์แล้วมิได้พิจารณาพยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบแก้เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณานั้นเห็นว่า...
เลี้ยวขวาตัดหน้ารถคันอื่น ถือว่าประมาทหรือไม่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3557/2531ฃ45 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300, 91พระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 78, 157, 160จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300, 91 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43, 78, 157, 160 รวม 1 กระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 อันเป็นบทหนัก จำคุก 2 เดือนและปรับ 2,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก...